ใครชอบบูลลี่คนอื่นดูไว้ เจ้าของ Charles & Keith แบรนด์กระเป๋าหรูเชิญสาววัยรุ่นสิงคโปร์ร่วมโต๊ะอาหาร เยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ หลังดราม่าซื้อโลกโซเชียลบูลลี่แรงกระเป๋าไม่หรูจริง สำหรับจุดเริ่มต้นของเรื่องราว ดราม่ากระเป๋าไม่หรูจริงนี้เกิดขึ้นเมื่อ โซอี สาวสิงคโปร์วัย 17 ปี ผู้ใช้บัญชี TikTok @zohtaco ได้ไปโพสต์คลิปอวดกระเป๋าหรูใบแรกในชีวิตซึ่งเป็นแบรนด์ Charles & Keith ที่พ่อของเธอซื้อมาให้เป็นของขวัญ แต่ต่อมาต่อมามีชาวเน็ตรายหนึ่งไปแสดงความเห็นบนแพลตฟอร์มโซเชียลของสาวโซอีในเชิงทำให้สาวน้อยแดนลอดช่องต้องรู้สึกอับอายว่า กระเป๋าที่เธอถ่ายคลิปโชว์ในบัญชีติ๊กต็อกของตัวเอง กระเป๋าแบรนด์ดังกล่าวไม่ใช่กระเป๋าหรูจริง พร้อมกับทำทีขบขันที่เด็กสาวเข้าใจเช่นนั้น
ต่อมาหลังคลิปของโซอีกลายเป็นดราม่าโดนบูลลี่
เจ้าตัวก็มาอธิบายในภายหลังว่าจริงๆ แล้วเธอไม่ได้มาจากครอบครัวที่มีฐานะดีเด่อะไร และกระเป๋าแบรนด์นี้สำหรับครอบครัวเธอก็ถือว่าเป็นกระเป๋าที่ดีและมีราคา ซึ่งหลังจากวิดิโอชี้แจงดังกล่าวปรากฏชาวเน็ตจำนวนมากต่างก็พากันมาให้กำลังใจเธอจากทั่วทุกสารทิศทั้งจากผู้คนทั้งในสิงคโปร์และต่างประเทศ
เช่นเดียวกับที่ล่าสุดเรื่องราวนี้ได้ถูก เว็บไซต์มาเธอร์ชิป (Mothership) นำเรื่องราวของสาวน้อยชาวสิงคโปร์มาเผยแพร่อีกครั้งซึ่งเป็นเหตุการณ์หลังจากที่ โซอี กับคุณพ่อของเธอได้รับเชิญจากทางบริษัท Charles & Keith ให้ไปร่วมรับประทานอาหารเที่ยงรวมถึงเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่กับผู้ก่อตั้งแบรนด์
ตัวแทนแบรนด์ Charles & Keith กล่าวว่า “เรารู้สึกเศร้าและเห็นใจต่อโซอีจริง ๆ หลังจากที่เราได้เห็นวิดีโอและความคิดเห็นเหล่านั้น ไม่ควรมีที่สำหรับการบูลลี่ แต่เราประทับใจมากต่อความสง่างามและความอ่อนน้อมถ่อมตนในการจัดการกับสถานการณ์ การแสดงสติปัญญาที่เหนือชั้นกว่าอายุของเธอและคุณค่าที่สะท้อนกับมาหาเราอย่างมาก”
ทั้งนี้ รายงานจากเว็บไซต์มาเธอร์ชิปยังเผยด้วยว่า โซอีและครอบครัวอาศัยอยู่ที่สิงคโปร์มาเกือบ 13 ปีแล้ว พ่อของเธอย้ายมาอยู่ตั้งแต่ปี 2552 หลังจากนั้นในปีถัดไป เธอและพี่น้องก็ย้ายตามมา ตอนที่เธอได้เห็นคลิปวิดีโอกลายเป็นไวรัล เธอรู้สึกตกใจมาก ไม่คิดว่าผู้คนใจให้ความสนใจเธอมากเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม โซอี ระบุว่า เธอเองรู้สึกดีใจที่เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเพราะมันได้กลายเป็นบทเรียนที่สำคัญในชีวิตเธอ การรักษาเสถียรภาพในตะวันออกกลางมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นอยู่ที่ดีของประเทศและประชาชนในภูมิภาค นอกจากนี้ยังมีความสำคัญต่อการรักษาสันติภาพของโลก ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจโลก และรับประกันการจัดหาพลังงานที่มั่นคง
ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2565การประชุมสภาประมุขแห่งรัฐขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ครั้งที่ 22 ได้ลงนามในบันทึกเกี่ยวกับ การเป็นสมาชิก ของอิหร่านใน SCO และ Raisi ได้ออกคำสั่งให้บังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับ การเป็นสมาชิก ของอิหร่านใน SCO เมื่อวันที่7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566
Raisi สนับสนุนและมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในโครงการริเริ่มหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง โครงการพัฒนาระดับโลก และโครงการความมั่นคงโลกที่เสนอโดยจีน Raisi กล่าวว่าอิหร่านจะรักษาความร่วมมือที่ดีกับองค์กรต่าง ๆ เช่น SCO และร่วมกันปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคและโลก
สีกล่าวว่าจีนยินดีทำงานร่วมกับอิหร่านเพื่อเสริมสร้างการสื่อสารและการประสานงานในเวทีต่างๆ เช่น UN และ SCO ปฏิบัติลัทธิพหุภาคีที่แท้จริง และปกป้องผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศกำลังพัฒนา
จีนจะเดินหน้าสร้างความร่วมมือ Belt and Road กับอิหร่านโดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับการเชื่อมต่อระหว่างกัน ขยายการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนและวัฒนธรรม
มูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ขยายโครงการ ACT เพื่อดำเนินการต่อเพื่อดำเนินการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่บ้านฟรีแก่ชุมชนที่เปราะบางใน 6 รัฐ
นิวยอร์ก , 15 ก.พ. 2566 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ — มูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้บรรลุข้อตกลงในการขยายโครงการทดสอบเชื้อโควิด-19 ของ Project Access ( Project ACT ) ซึ่งเป็นโครงการที่ให้บริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่บ้านฟรีแก่ผู้มีความเสี่ยง ชุมชนเป็นเวลาอีกสี่เดือนเพื่อตอบสนองความต้องการการทดสอบอย่างต่อเนื่องของรัฐ ภาระผูกพันด้านเงิน ทุนสำหรับ Project ACT นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว ขณะนี้มีมูลค่ารวม33.2ล้านดอลลาร์จากรัฐอิลลินอยส์แคนซัสเมนมิชิแกนนิวเม็กซิโกและนอร์ทแคโรไลนา
Project ACT ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนแบบครบวงจร ช่วยให้รัฐสามารถจ่ายค่าใช้จ่ายต่ำกว่าราคาตลาดสำหรับการทดสอบผ่านข้อตกลงที่เจรจาโดย RF Catalytic Capital Inc. (RFCC) ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลสาธารณะของมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ RFCC จัดการการเจรจากับภาคเอกชนสำหรับทุกแง่มุมของการผลิตการทดสอบ การสั่งซื้อ ลอจิสติกส์ และการจัดส่ง ทำให้รัฐยังคงได้รับราคารวมทั้งหมด $6.23 ต่อการทดสอบรวมถึงการจัดส่งที่บ้าน ผ่านการเป็นพันธมิตรกับ Amazon Web Services และ CareEvolution ในราคาประมาณครึ่งหนึ่งของราคาขายปลีกเฉลี่ยของสหรัฐฯ ที่12 ดอลลาร์ต่อการทดสอบ โปรแกรมได้ส่งมอบการทดสอบมากกว่า 4.5 ล้านครั้งให้กับครัวเรือนในปีแรก
“เรากำลังขยายโครงการ ACT เนื่องจากได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพอย่างมากในการส่งการทดสอบฟรีให้กับชาวอเมริกันที่ต้องการมากที่สุด และเนื่องจากหน่วยงานสาธารณสุขของรัฐบอกเราว่าพวกเขาต้องการมันเพื่อตอบสนองความต้องการในการทดสอบอย่างต่อเนื่อง” Mara Aspinall กล่าวศาสตราจารย์ด้านเวชปฏิบัติที่วิทยาลัยโซลูชันสุขภาพแห่งมหาวิทยาลัยรัฐแอริโซนา และที่ปรึกษามูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ “ขณะที่โควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่สามารถแพร่เชื้อได้สูงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เราทราบดีว่าการทดสอบเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สุดที่เรามีเพื่อให้อำนาจแก่ชาวอเมริกันด้วยข้อมูลที่พวกเขาต้องการเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี”
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> ufabet เว็บตรง