สดใสไร้มลทิน รีวิว MatePad T 8 Kids Edition แท็บเล็ตสำหรับไอ้ต้าวตัวเล็ก มาพร้อมสีสันสดใส หน้าจอไซซ์เล็กถือจับถนัดมือ ขนาดเพียง 8 นิ้ว ประมวลผลด้วยชิปเซ็ตตัวเด็ดอย่าง Mediatek MTK MT8768 Octa Core และแบตเตอรี่ปริมาณจุใจ 5100 mAh ถูกใจวัยซนเล่นเพลิน ๆ ได้ทั้งวัน
เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2021 ที่ผ่านมากับ Huawei MatePad T 8 Kids Edition
แท็บเล็ตที่ออกแบบมาเพื่อเด็กเล็กโดยเฉพาะ ใช้โครงสร้างโมเดลเดิมจากรุ่น MatePad T8 แต่จะแตกต่างตรงที่มีการเพิ่มสีสันสดใส กับฟังก์ชันด้านการศึกษา และสุขภาพสำหรับเด็กลงไปเทน ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักของแท็บเล็ตรุ่นนี้ก็คือเด็กเล็กอายุตั้งแต่ 3-8 ปี
มีการรองรับฟีเจอร์ถนอมสายตาจากแสงสีฟ้า การแจ้งเตือนเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม และโหมด eBook สำหรับการอ่านหนังสือนิทาน นอกจากนี้ยังใช้วัสดุที่ค่อนข้างทนทาน สำหรับป้องกันการเขวี้ยงปาของเด็กเล็ก เรียกว่าคุณพ่อคุณแม่ปล่อยให้น้องเล่นได้เต็มที่ได้อย่างหายห่วง ซึ่งจะมีสเปกอะไรน่าสนใจบ้าง เข้ามาอ่านบทความ รีวิว MatePad T 8 Kids Edition แท็บเล็ตสำหรับไอ้ต้าวตัวเล็ก กันได้เลยครับ
สำหรับ MatePad T8 Kids Edition ออกแบบโครงสร้างด้วยวัสดุซิลิโคนเกรดพรีเมียม เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตัวเครื่องมีด้ามจับและส่วนโค้งว้าวเล็กน้อยด้านหลัง เพื่อให้น้องถือพกพาได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังลดทอนฟังก์ชันบางอย่าง และพอร์ตเชื่อมต่อในการลดปัญหาอื่น ๆ สำหรับการใช้งานในอนาคต ประกอบกับสีสันที่มุ้งมิ้งสดใส ทำให้สามารถเพลิดเพลินในระหว่างการใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม
แน่นอนว่ามีผู้ปกครองหลายคนที่กังวลว่าน้องอาจจะติดแท็บเล็ตงอมแงมจนไม่ยอมทำอย่างอื่น ดังนั้น MatePad T 8 Kids Edition จึงได้มีการติดตั้งฟีเจอร์ต่าง ๆ เพื่อลดปัญหาเหล่านี้อย่างเช่น การกำหนดเวลาในการใช้งาน แอปพลิเคชันไหนที่อนุญาตให้เล่นบ้าง ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถปรับเปลี่ยนการตั้งค่าได้อย่างอิสระตามความเหมาะสมในแต่ละสัปดาห์ แถมยังสามารถเช็กหน้าจอย้อนหลังได้ด้วย ว่าลูกน้อยของเราเปิดใช้งานเนื้อหาใดบ้าง จะได้ประเมินนิสัยการใช้งานและพฤติกรรมของลูกน้อยได้อย่างละเอียด (คล้ายกับระบบ History บนคอมพิวเตอร์นั่นเอง ?)
ขนาดผู้ใหญ่อย่างเราจ้องหน้าจอนาน ๆ ยังล้าตาได้เหมือนกัน นับประสาอะไรกับดวงตาของเด็กเล็ก จึงได้มีการนำระบบ Eye Protection ด้วยการเคลือบฟีลเตอร์กันแสงสีฟ้าหลายชั้น และฟีเจอร์ Posture Alert ในการใช้เซ็นเซอร์สุดไฮเทคตรวจจับการนั่งเล่นผิดท่าหรือการมองใกล้เกินไป นอกจากนี้ สำหรับพ่อแม่ที่มักพาลูกน้อยออกรถเที่ยววันหยุดบ่อย ๆ ก็จะมี Bumpy Road Alert เพื่อเตือนการสั่นสะเทือนระหว่างการใช้งานบนถนนเส้นทางขรุขระ พร้อมกับโหมด eBook รองรับการอ่านหนังสือแบบถนอมสายตาอย่างมีประสิทธิภาพด้วยนั่นเอง
โดยจะมีการติดตั้งแอปฯ และฟังก์ชันด้านการศึกษามาให้เลยทันทีกับฟีเจอร์ Kids Corner ที่มาพร้อมคุณสมบัติการกรองเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม โหมดความบันเทิงอย่าง Kids Painting ซึ่งรองรับการวาดภาพสำหรับเด็ก และโหมดกล้องที่จะมีความปลอดภัยสำหรับเด็กมากยิ่งขึ้น
กรณีศึกษา: ไฟป่าในออสเตรเลียโดย แบรนด์วอทช์ (Brandwatch)
ก่อนการแพร่ระบาดใหญ่ของไวรัสทั่วโลกในปี 2563 นั้น หลายชีวิตในออสเตรเลียได้เผชิญกับอันตรายร้ายแรงมาแล้ว โดยตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2562 ถึงมีนาคม 2563 ไฟป่าในออสเตรเลียได้ลุกลามเผาไหม้พื้นที่ 13.6 ล้านเอเคอร์ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ และได้ทำลายล้างสัตว์ป่าและระบบนิเวศวิทยาของภูมิภาค (NYT, 2020)
แบรนด์วอทช์ ซึ่งเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการของทวิตเตอร์ได้วิเคราะห์บทสนทนาบนทวิตเตอร์ในช่วงเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ ซึ่งมีผู้คนกว่า 2.8 ล้านคนทั่วโลกมีส่วนร่วมในบทสนทนานี้และมีเกือบ 10 ล้านทวีตสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับไฟป่าที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 – มีนาคม 2563
ผู้คนบนทวิตเตอร์ได้เชื่อมต่อถึงกันอย่างมีประสิทธิภาพ ชุมชนรวมตัวกันเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และมีการระดมทุนต่างๆ เกิดขึ้น เช่น การประมูล #AuthorsForFireys และการเคลื่อนไหวในแคมเปญ “Find a Bed” เพื่อค้นหาที่พักฉุกเฉินสำหรับผู้ที่พลัดถิ่นจากไฟป่า ภายในหนึ่งสัปดาห์หลังจากเริ่มโครงการ Find A Bed ทำให้มีรายชื่อที่พัก เพิ่มขึ้น 7,000 แห่ง และรองรับให้ความช่วยเหลือผู้คนได้กว่า 100 คน ซึ่งรวมถึงกรณีคุณยายวัย 104 ปี ที่ต้องสูญเสียบ้านของเธอไปในกองเพลิงด้วย
ในปี 2562 ทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่นได้รับผลกระทบอย่างหนักจากพายุไต้ฝุ่นฮากิบิส ซึ่งทำให้เกิดปริมาณน้ำฝนสูง ถึง 3 ฟุตภายใน 24 ชั่วโมงในบางภูมิภาคของประเทศ มีการเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และมีผู้เสียชีวิต 74 ราย (อ้างอิงจาก NHK, 2019) ฝนที่ตกอย่างหนักจากพายุไต้ฝุ่นทำให้แม่น้ำมากกว่า 20 สายในญี่ปุ่นเอ่อล้นอย่างรวดเร็ว และผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ถูกเร่งให้ต้องอพยพโดยด่วนออกจากบ้านของตนเองเพื่อหนีขึ้นที่สูง
พันธมิตรของทวิตเตอร์ได้ทำการวิเคราะห์เพื่อตรวจหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับน้ำท่วม แผ่นดินไหว ไฟฟ้าดับ และภัยพิบัติอื่นๆ โดยมีสำนักข่าว JX Press ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักช่วยแจ้งเตือนภัยอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการรายงานข่าวที่รวดเร็วกว่าการรายงานข่าวโดยปกติเฉลี่ย 20 ถึง 45 นาที ทั้งนี้ ด้วยการเข้าถึงข้อมูลของทวิตเตอร์ทำให้รัฐบาลสามารถรับฟังและประกาศข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในช่วงที่มีสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบที่ประชาชนได้รับไปพร้อมกัน
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> pokdengkings.com